ราชวงศ์กัมโพช

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ราชวงศ์กัมโพช
ภาษาเขมร: រាជត្រកូលកម្ពុ
พระราชอิสริยยศพระมหากษัตริย์แห่งเจนละ
ปกครองอาณาจักรเจนละ
บรรพบุรุษพราหมณ์กัมพูสวยัมภูวะ
เชื้อพระวงศ์ที่สำคัญพระเจ้าศรุตวรมัน
พระเจ้าภววรมันที่ 1
ประมุขพระองค์แรกพระเจ้าศรุตวรมัน
ประมุขพระองค์สุดท้ายพระเจ้ามหิปติวรมัน
สถาปนาค.ศ. 550
ล่มสลายค.ศ. 802
เชื้อชาติเจนละ

ราชวงศ์กัมโพช (เขมร: រាជត្រកូលកម្ពុ, อักษรโรมัน: Kamboja Dynasty; เรียจฺตระกูลกัมโพช) หรือราชวงศ์กัมโพช-สุริยะวงศ์ [1] สถาปนาโดย พระเจ้าศรุตวรมัน พระมหากษัตริย์แห่งเจนละตามหลักฐานพบว่าต้นวงศ์ของพระองค์ทรงสืบสายราชวงศ์มาจาก พราหมณ์กัมพูสวยัมภูวะ และ พระนางอัปสรเมรา ทรงร่วมกันก่อตั้งราชวงศ์กัมโพช-สุริยะวงศ์ของกัมพูชา ในราวคริสตศตวรรษที่ 1 พราหมณ์กัมพูสวยัมภูวะเป็นบรรพบุรุษของชาวกัมพุชเทศมีต้นกำเนิดในอินเดียตอนใต้ [2]

ต่อมาราชวงศ์นี้ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของ อาณาจักรฟูนัน ช่วงการครองราชย์ของพระเจ้าภววรมันที่ 1 และ พระเจ้ามเหนทรวรมัน ราชวงศ์กัมโพช-สุริยะวงศ์มีความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดโดยพระองค์สามารถขยายดินแดนของเจนละเข้าไปในดินแดนของฟูนันนำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักรฟูนัน [3] และขยายอาณาจักรเจนละครอบคลุมจรดดินแดนของฟูนันเดิมทั้งหมด จากการโจมตีของ ราชวงศ์โจฬะแห่งชวา ทำให้อาณาจักรเจนละแตกออกเป็นสองอาณาจักรคือเจนละบกปกครองโดยราชวงศ์กัมโพช-สุริยะวงศ์ และเจนละน้ำปกครองโดยราชวงศ์เกาฑิณยะ-จันทรวงศ์ ราชวงศ์กัมโพชล่มสลายลงเมื่อพระเจ้ามหิปติวรมันถูกพระเจ้าสัญชัยกษัตริย์แห่งชวาตัดพระเศียร ต่อมา พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เชื้อพระวงศ์พระองค์หนึ่งของราชวงศ์เกาฑิณยะ - จันทรวงศ์ ทรงรวบรวมดินดินขึ้นใหม่ในนามจักรวรรดิเขมรและประกาศเอกราชจากชวาสำเร็จ

อ้างอิง[แก้]

  1. Louis-Frédéric (1977) Encyclopaedia of Asian Civilizations, Louis Publisher: Original from the University of Michigan Volume 3 of Encyclopaedia of Asian Louis-Frédéric
  2. Sailendra Nath Sen (1999). Ancient Indian History and Civilization. ISBN 9788122411980. สืบค้นเมื่อ January 14, 2018.
  3. Claude Jacques, “'Funan', 'Zhenla'. The reality concealed by these Chinese views of Indochina”, in R. B. Smith and W. Watson (eds.), Early South East Asia: Essays in Archaeology, History, and Historical Geography, New York, Oxford University Press, 1979, pp. 371–9, p. 373.