โบอิง ดรีมลิฟเตอร์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โบอิง ดรีมลิฟเตอร์
บทบาทอากาศยานขนส่งสินค้าเกินพิกัด
บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์โบอิง
เอเวอร์กรีนเอวิเอชันเทคโนโลยีคอร์ปอเรชัน
บินครั้งแรก9 กันยายน ค.ศ. 2006
เริ่มใช้ค.ศ. 2007
สถานะในประจำการ
ผู้ใช้งานหลักแอตลาสแอร์ (ดำเนินงานให้กับโบอิง)
ช่วงการผลิตค.ศ. 2006-2010
จำนวนที่ผลิต4 ลำ
พัฒนามาจากโบอิง 747-400

โบอิง 747 ลาร์จคาร์โกเฟรตเตอร์ (แอลซีเอฟ) หรือ โบอิง ดรีมลิฟเตอร์ (อังกฤษ: Boeing Dreamlifter) เป็นเครื่องบินขนส่งสินค้าเกินพิกัดลำตัวกว้างของโบอิงที่ดัดแปลงมาจากโบอิง 747-400 ดรีมลิฟเตอร์มีความจุสินค้า 65,000 ลูกบาศก์ฟุต (1,840 ลูกบาศก์เมตร)[1] ซึ่งมากกว่ารุ่น 747-400F ถึงสามเท่า[2] โดยภายหลังการพัฒนาโบอิง 787 ดรีมไลเนอร์ โบอิงได้มีการสร้างเครื่องบินนี้ขึ้นเพื่อขนส่งชิ้นส่วนต่างๆ จากอิตาลี ญี่ปุ่น และสหรัฐแต่ก็มีการนำมาใช้ในการขนส่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ในช่วงการระบาดทั่วของโควิด-19[3]

การพัฒนา[แก้]

ฝ่ายเครื่องบินพาณิชย์โบอิงได้ประกาศการพัฒนาดรีมลิฟเตอร์เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ค.ศ. 2003 เพื่อนำมาใช้ในการขนส่งชิ้นส่วนของโบอิง 787 ดรีมไลเนอร์ (รู้จักกันในชื่อ โบอิง 7อี7 ณ ขณะนั้น) ทางอากาศ[4] เป็นการลดระยะเวลาในการขนส่งจากเดิมที่ขนส่งทางบกและทางเรือ ชิ้นส่วนบางชิ้นของโบอิง 787 มีขนาดใหญ่กว่าตู้คอนเทนเนอร์ขนาดมาตรฐาน และพื้นที่เก็บสินค้าบนโบอิง 747-400F อานโตนอฟ อาน-124 และอาน-225[5] โดยเดิมโบอิงมีแผนที่จะดัดแปลงเครื่องบินโบอิง 747-400 รุ่นโดยสารจำนวนสามลำเพื่อนำมาขนส่งชิ้นส่วนเครื่องบินจากญี่ปุ่นและอิตาลี ไปยังนอร์ทชาร์ลสตัน รัฐเซาท์แคโรไลนาและส่งไปยังฐานการผลิตขั้นตอนสุดท้ายในเพย์นฟีลด์ รัฐวอชิงตัน แต่ต่อมาก็ได้ปรับแผนเป็นการดัดแปลงเครื่องบินสี่ลำ[6] โบอิง ดรีมลิฟเตอร์มีลำตัวเครื่องที่นูนออกมาคล้ายกับซูเปอร์กัปปี แอร์บัส เบลูกา และเบลูกาเอ็กซ์แอล ซึ่งถูกใช้ในการขนส่งชิ้นส่วนปีก ลำตัวเครื่องบิน และสินค้าขนาดใหญ่อื่นๆ ในลักษณะเดียวกัน

การดัดแปลงส่วนหนึ่งได้รับการออกแบบโดยสำนักงานมอสโกของโบอิงและโบอิง ร็อกเก็ตไดน์ โดยการออกแบบประตูสินค้าแบบเปิดออกที่บริเวณส่วนหางจะได้รับการออกแบบร่วมกับกาเมซาอาเอโรเนาติกาของสเปน[7] พื้นที่บรรทุกสินค้าของเครื่องบินจะไม่มีการปรับความดัน[8] ส่วนหางจะต้องใช้รถที่ถูกดัดแปลงพิเศษในการเปิดออก และล็อกกับลำตัวเครื่องด้วยตัวกระตุ้น 21 ตัว[9] ต่างจากการใช้ระบบไฮดรอลิกของประตูสินค้าส่วนจมูกบนโบอิง 747 รุ่นสินค้า

โบอิง ครีมลิฟเตอร์จะดัดแปลงโดยเอเวอร์กรีนเอวิเอชันเทคโนโลยีคอร์ปอเรชันในไต้หวัน[2] ซึ่งเป็นกิจการค้าร่วมระหว่างอีวีเอแอร์และเจเนอรัลอิเล็กทริก[10] โบอิงได้เข้าซื้อโบอิง 747-400 จำนวนสี่ลำ โดยเป็นของแอร์ไชนาหนึ่งลำ[11] ของไชนาแอร์ไลน์สองลำ[12][13] และของมาเลเซียแอร์ไลน์หนึ่งลำ[14]

โบอิง 747 ลาร์จคาร์โกเฟรตเตอร์ (แอลซีเอฟ) ลำแรกเปิดตัวที่ท่าอากาศยานนานาชาติไต้หวันเถา-ยฺเหวียนในวันที่ 17 สิงหาคม ค.ศ. 2006.[10] Iและทำการบินครั้งแรกในวันที่ 9 กันยายนของปีเดียวกัน[15]

ด้วยลักษณะที่แปลกตานี้ โบอิงแอลซีเอฟถูกนำมาเปรียบเทียบกับออสกา เมเยอร์ วีเนอร์โมบิลและฮิวเกส เอช-4 เฮอร์คิวลิส[6] และเหตุนี้เองเครื่องบินลำแรกที่ถูกดัดแปลงไม่ได้มีการทำสีจากการทดสอบเพิ่มเติม สกอตต์ คาร์สัน ประธานฝ่ายเครื่องบินพาณิชย์โบอิง กล่าวขอโทษอย่างตลกๆ ต่อโจ ซัทเทอร์ ผู้ออกแบบโบอิง 747 ว่า "ขอโทษกับสิ่งที่พวกเราทำกับเครื่องบินคุณ"[6]

ประวัติการให้บริการ[แก้]

N747BC เครื่องบินลำแรกที่ถูกดัดแปลงในปี 2006
โบอิง 747 แอลซีเอฟขณะเปิดประตูสินค้าส่วนหาง
ดรีมไลเนอร์สองลำใกล้โรงงานประกอบเครื่องบินโบอิงในเพย์นฟีลด์

การทดสอบ[แก้]

ในวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 2006 เครื่องบินแอลซีเอฟทะเบียน N747BC ซึ่งเป็นลำแรกได้ลงจอดที่เพย์นฟีลด์ ซีแอตเทิลเพื่อทำการทดสอบ[2] ระบบประตูสินค้าส่วนหางได้รับการทดสอบในโรงงานของโบอิงในเอเวอร์เรต[16] เครื่องบินลำที่สอง ทะเบียน N780BA ทำการบินครั้งแรกในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2007เครื่องบินลำที่สามเริ่มทำการดัดแปลงในปี 2007[17] เครื่องบินสองลำแรกเข้าประจำการในปี 2007เพื่อรองรับกับการผลิตโบอิง 787 โบอิง 747-400 ที่จะนำมาดัดแปลงลำสุดท้ายเป็นอดีตเครื่องบินของมาเลเซียแอร์ไลน์ โดยเดิมทะเบียน 9M-MPA และต่อมาเปลี่ยนเป็น N718BA[17]

การนำโบอิงแอลซีเอฟเข้ามาประจำการนี้สามารถช่วยลดเวลาการขนส่งชิ้นส่วนปีกจากญี่ปุ่นจากเดิม 30 วันเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง[18] ในช่วงแรกโบอิงได้มีเอเวอร์กรีนอินเตอร์แนชนัลแอร์ไลน์สัญชาติสหรัฐเป็นผู้ให้บริการฝูงบินนี้[6][19] จนถึงเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2010 จากนั้นจึงส่งต่อการดำเนินงานให้กับแอตลาสแอร์ที่ได้รับสัญญาการดำเนินงานเก้าปีใน ค.ศ. 2010[20]

การเข้าประจำการ[แก้]

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2006 โบอิงได้ประกาศว่าจะเปลี่ยนชื่อเครื่องบินเป็น ดรีมลิฟเตอร์ คล้ายกับชื่อ ดรีมไลเนอร์ ของ 787 และมีการทำลวดลายที่มีหางสีน้ำเงินและสัญลักษณ์คล้ายกับของโบอิง 787 ดรีมไลเนอร์[21]

เดิมโบอิงมีแผนที่จะทำการรับรองเครื่องบินในต้นปี 2007 แต่ถูกเลื่อนจนถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2007 ปลายปีกของเครื่องบินถูกถอดออกภายหลังพบปัญหาการควบคุมเครื่องบินและอาการสั่น โดยระหว่างการรอการรับรอง โบอิงได้นำเครื่องบินทำการบินขนส่งชิ้นส่วนเครื่องบิน 787 ระหว่างสถานที่ผลิตและฐานการผลิตขั้นตอนสุดท้ายในรัฐวอชิงตัน[22] โบอิง 747 แอลซีเอฟ ได้รับการรับรองจากเอฟเอเอเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 2007 โดยตั้งแต่การบินครั้งแรกในปี 2006 จนถึงการรับรองในปี 2007 เครื่องบินดรีมลิฟเตอร์ได้ทำการบินทดสอบ 437 ชั่วโมงและทำการทดสอบบนพื้นดิน 639 ชั้วโมง[23]

จากดรีมลิฟเตอร์ทั้งสี่ลำ[24] สามลำสามารถเริ่มดำเนินงานได้ภายในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2008[25] และลำที่สี่เริ่มดำเนินงานได้ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010[26][27]

เมื่อวันที่1 กรกฎาคม ค.ศ. 2020 ดรีมลิฟเตอร์ลำหนึ่งได้ขนส่งหน้ากากอนามัย 500,000 ชิ้นไปยังท่าอากาศยานนานาชาติซอล์ทเลกซิตีเพื่อส่งมอบให้กับโรงเรียนต่างๆ ในรัฐยูทาห์ระหว่างการระบาดทั่วของโควิด-19 โดยเป็นความร่วมมือระหว่างโบอิง แอตลาสแอร์ เอช.เอ็ท. โคล โกโคปาซิ เฟลลก์พอร์ต ยูพีเอส และรัฐยูทาห์[28]

อุบัติเหตุและอุบัติการณ์สำคัญ[แก้]

  • 11 ตุลาคม ค.ศ. 2022: โบอิง ครีมลิฟเตอร์ทะเบียน N718BA ที่ให้บริการโดยแอตลาสแอร์ ได้เกิดเหตุล้อลงจอดหลุดออกขณะขึ้นบินจากตารันโต ประเทศอิตาลี ล้อนั้นได้ถูกพบอยู่นอกพื้นที่ท่าอากาศยานในภายหลัง เครื่องบินทำการบินต่อไปยังนอร์ทชาร์ลสตัน รัฐเซาท์แคโรไลนาและลงจอดอย่างปลอดภัย[31]

ข้อมูลจำเพาะ[แก้]

ภาพจำลองโบอิงแอลซีเอฟในมุมต่างๆ

พื้นที่บรรทุกสินค้าหลักของโบอิง ดรีมลิฟเตอร์มีความจุสูงสุด 65,000 ลูกบาศก์ฟุต (1,840 ลูกบาศก์เมตร) และมีน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 250,000 ปอนด์ (113,400 กิโลกรัม)[32]

แหล่งอ้างอิง: ข้อมูลจำเพาะโบอิง 747-400[33] และ รายงานท่าอากาศยานโบอิง 747[34]

เครื่องบินที่ใกล้เคียงกัน[แก้]

รุ่นที่ใกล้เคียงกัน[แก้]

เครื่องบินที่ใกล้เคียงกัน[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. Boeing Dreamlifter leads unique aircraft at AirVenture เก็บถาวร เมษายน 14, 2013 ที่ archive.today" Experimental Aircraft Association. Retrieved: September 30, 2012.
  2. 2.0 2.1 2.2 Hanson, Mary et al. "Boeing Selects EGAT for 747 Large Cargo Freighter Modifications". Boeing Commercial Airplanes, February 18, 2005. Retrieved: March 17, 2008.
  3. Pallini, Thomas. "Boeing's massive oversized cargo plane just flew its first COVID-19 mission from Hong Kong to South Carolina. Take a look at the 'Dreamlifter.'". Business Insider (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ July 17, 2021.
  4. Leach, Yvonne (October 13, 2003). "Boeing 7E7 Will Use Air Transport for Component Delivery" (Press release). Boeing. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 31, 2020. สืบค้นเมื่อ May 9, 2017.
  5. Wagner, Mark; Norris, Guy (2009), Boeing 787 Dreamliner, MBI, pp. 101–14.
  6. 6.0 6.1 6.2 6.3 Lunsford, J. Lynn. "Ugly in the Air: Boeing's New Plane Gets Gawks, Stares" เก็บถาวร พฤษภาคม 17, 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. The Wall Street Journal, January 8, 2007.
  7. Hanson, Mary (February 22, 2005). "Boeing's 747 Large Cargo Freighter Development on Plan" (Press release). Seattle: Boeing. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 27, 2006. สืบค้นเมื่อ January 8, 2007.
  8. http://www.boeing.com/news/frontiers/archive/2005/june/ts_sf05.html เก็บถาวร มกราคม 7, 2007 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Retrieved June 30, 2017.
  9. "How Does The Boeing Dreamlifter's Swing Tail Door Work?". Simple Flying (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). April 5, 2021. สืบค้นเมื่อ July 8, 2021.
  10. 10.0 10.1 Hanson, Mary. "Boeing 747 Large Cargo Freighter Rolls Out; Prepares for First Flight". Boeing Commercial Airplanes, June 17, 2006. Retrieved: March 17, 2008.
  11. "Boeing N747BC (Ex B-2464)—Airfleets". Airfleets. Retrieved: March 17, 2008.
  12. "Boeing N780BA (Ex B-162 B-18272)". Airfleets.Retrieved: March 17, 2008.
  13. "Boeing N249BA (Ex B-161 B-18271)". Airfleets. Retrieved: March 17, 2008.
  14. Boeing N718BA (Ex 9M-MPA)". Airfleets. Retrieved: March 17, 2008.
  15. Hanson, Mary. "Boeing 747 Large Cargo Freighter Completes First Flight". Boeing Commercial Airplanes, September 9, 2006. Retrieved: March 17, 2008.
  16. "Boeing 747 Large Cargo Freighter Successfully Tests Swing Tail". Boeing Commercial Airplanes, October 23, 2006. Retrieved: March 17, 2008.
  17. 17.0 17.1 Hanson, Mary. "Large Cargo Freighter Taking Shape". Boeing Commercial Airplanes, April 17, 2006. Retrieved: March 17, 2008.
  18. "Boeing 747 Dreamlifter Fact Sheet เก็บถาวร กุมภาพันธ์ 18, 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน". Archive Boeing Commercial Airplanes, April 23, 2007. Retrieved: March 17, 2008.
  19. Hanson, Mary et al. "Evergreen International Airlines, Inc. to Operate Boeing 747 Large Cargo Freighters". Boeing Commercial Airplanes, December 15, 2007. Retrieved: March 17, 2008.
  20. Ostrower, Jon (March 4, 2010). "Atlas to assume Dreamlifter control in September". Flightglobal. Washington, D.C. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ August 10, 2017. สืบค้นเมื่อ March 5, 2010.
  21. "Boeing Reveals Livery, Name for 747 Large Cargo Freighters". เก็บถาวร เมษายน 7, 2012 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Boeing Commercial Airplanes, December 6, 2006. Retrieved: March 17, 2008.
  22. Wallace, James. "Boeing Can't Soothe Jitters". Seattle Post-Intelligencer, Retrieved: March 17, 2008.
  23. Hanson, Mary. "Boeing 747 Dreamlifter Achieves FAA Certification". Boeing Commercial Airplanes, June 4, 2007. Retrieved: March 17, 2008.
  24. "Boeing 747 Dreamlifter Fact Sheet" เก็บถาวร กุมภาพันธ์ 18, 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Boeing. Retrieved: September 14, 2011.
  25. Tinseth, Randy. "Three of four" เก็บถาวร กรกฎาคม 26, 2011 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Boeing Blog Randy's Journal, June 12, 2008.
  26. Mecham, Michael. "Boeing Puts Last Dreamlifter In Service"[ลิงก์เสีย]. Aviation Week, February 16, 2010.
  27. "Final Boeing 747 Dreamlifter Enters Service" เก็บถาวร กันยายน 6, 2011 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Boeing, February 16, 2010.
  28. Klopfenstein, Jacob (July 1, 2020). "499 new COVID-19 cases, 1 death as 500K masks delivered to Utah students, teachers". KSL.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 2, 2020. สืบค้นเมื่อ July 2, 2020.
  29. "NTSB Identification: DCA14IA016". National Transportation Safety Board. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 6, 2021. สืบค้นเมื่อ March 22, 2016.
  30. LeBeau, Phil (November 21, 2013). "'Wrong airport' Dreamlifter successfully takes off". CNBC. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ July 7, 2017. สืบค้นเมื่อ September 8, 2017.
  31. Garbuno, Daniel Martínez (2022-10-11). "Boeing 747 Dreamlifter Loses Wheel Departing Taranto, Italy". Simple Flying. สืบค้นเมื่อ 2022-10-13.
  32. "Flight Test Program is under way for 747 Large Cargo Freighter" เก็บถาวร มีนาคม 3, 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Boeing, November 2006. Retrieved: September 14, 2011.
  33. 747-400 "Technical Information" เก็บถาวร พฤษภาคม 24, 2011 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Boeing. Retrieved: September 14, 2011.
  34. "Boeing 747 Airplane Characteristics for Airport Planning". เก็บถาวร พฤษภาคม 24, 2011 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน Boeing. Retrieved: September 14, 2011.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]